หากคุณกำลังอยากหาผู้ช่วยที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลปัญหา หรือปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต คุณอาจนึกถึงนักจิตวิทยาหรือนักจิตวิทยาการปรึกษาอยู่ แต่หลายคนไม่รู้ว่าเหตุผลในการไปพบนักจิตวิทยาที่พวกเขามีอยู่นั้นมันเพียงพอที่จะไปพบนักจิตวิทยาหรือไม่?
จริงๆ แล้วแต่ละคนมีเหตุผลที่ไปพบนักจิตวิทยาที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจต้องการไปพบนักจิตวิทยาเพราะเผชิญกับปัญหาชีวิตส่วนตัว บางคนอาจไปพบเพราะต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้น
ในเบื้องต้น หากคุณเป็นคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาที่ทำให้ชีวิตเริ่มเลวร้ายลง หรือเริ่มรู้สึกต้องการความช่วยเหลือและการปรึกษา เหตุผลเหล่านี้เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วสำหรับการตัดสินใจมาพบนักจิตวิทยาเพราะทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือควรได้รับความช่วยเหลือ ก่อนที่สภาวะจิตใจของคุณจะย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ
1. มีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตคุณเกิดขึ้น หรือมีบางอย่างทำให้คุณต้องปรับตัวมาก
การเริ่มต้นทำงานเป็นครั้งแรก การย้ายงาน หรือการย้ายบ้าน ทำให้สภาพแวดล้อมแตกต่างออกไปจากความคุ้นเคยของคุณมากอาจทำให้คุณต้องพบเจอกับหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้คุณต้องปรับตัวมากในสภาพแวดล้อมใหม่ และหลายครั้งที่การทำความเข้าใจวัฒนธรรมใหม่เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลย
2. คุณต้องการหยุดพฤติกรรม หรือเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
หากคุณต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างเช่นเลิกใช้สารเสพติด ลดแอลกอฮอล์ หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และคุณก็รู้แล้วว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจะช่วยทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นแต่คุณยังเปลี่ยนไม่ได้ การได้รับการสนับสนุนจากนักจิตวิทยาสามารถสนับสนุนให้คุณเปลี่ยนแปลงตัวเองได้
นอกจากนั้นหากคุณต้องการมาพบนักจิตวิทยาเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นหรือใช้ชีวิตมีความสุขได้มากขึ้นในมิติอื่นๆ ก็ได้เช่น
ไม่อยากต้องพึ่งพิงบางอย่างเพื่อมีความสุข
ไม่อยากเป็นคนไนซ์ (Nice) กับทุกคนอีกต่อไปแล้ว
อยากเป็นคนที่อารมณ์ดีง่ายขึ้น ไม่หงุดหงิดกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
3. มีอารมณ์ ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ท่วมท้น
ถ้าคุณเริ่มรับรู้ได้ว่าคุณมีความรู้สึกบางอย่างที่รุนแรงเช่น ความรู้สึกเสียใจ
เศร้า เหงา เบื่อ และมันเกิดขึ้นเป็นประจำ อาการแย่ลงเรื่อยๆ การพบและพูดคุยกับนักจิตวิทยาจะช่วยให้คุณค้นหาสาเหตุ รากของปัญหาที่แท้จริงได้
4. อยากดูแลความเครียด ความกังวล ได้ดีขึ้น
ผู้ที่มีความรับผิดชอบสูง หัวหน้า เจ้าของกิจการ และผู้บริหาร อาจต้องเผชิญหน้ากับความเครียดมากกว่าคนปกติ เพราะต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และอยู่ภายใต้สภาวะกดดัน การดูแลความเครียดความกังวลที่เกิดขึ้นจะช่วยป้องกันให้ไม่เกิดภาวะหมดไฟได้
5. รู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น เริ่มรู้สึกถึงความแปลกแยกจากสังคม
หลายคนที่เผชิญหน้ากับปัญหาทางจิตใจมักจะรู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนคนๆ เดียวที่แปลกแยกออกจากคนอื่น โดดเดี่ยว หากคุณรู้สึกค่อยๆ โดดเดี่ยวจากสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าอยู่ในชีวิตประจำวันทั่วไป อาจเป็นสัญญาณให้คุณต้องสังเกตตัวเองมากขึ้น ว่เากิดอะไรขึ้นกับชีวิตของคุณ
6. สูญเสียคนใกล้ชิด
การสูญเสียอาจเกิดขึ้นในหลากหลายรูปแบบเช่น การหย่าร้าง, การย้ายที่เพื่อไปเรียนต่อ, การเสียชีวิต หรือมีปัญหาเชิงความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิท อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่ทันตั้งตัว สามารถนำไปสู่ภาวะเรื้อรังได้ หากคุณรู้สึกว่าต้องการการสนับสนุนเมื่อเกิดการสูญเสีย คุณสามารถเข้าพบนักจิตวิทยาได้
7. ต้องการปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเอง
การปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเองอาจเกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มตระหนักถึงความคิดบางอย่างที่ไม่ส่งผลดีต่อตัวเองเช่น ความคิดด้านลบ คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ การพบนักจิตวิทยาจะช่วยทำให้คุณได้สำรวจที่มาที่ไปของความคิดเหล่านี้ และช่วยให้คุณดูแลมันได้ดีขึ้นก่อนที่มันจะทำร้ายคุณมากขึ้น
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงความคิดที่อาจนำไปสู่อันตรายเช่น การใช้สารเสพติด อยากฆ่าตัวตาย อยากวางแผนทำร้ายร่างกาย เป็นต้น ในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วนควรติดต่อสายด่วนสุขภาพจิตที่หมายเลข 1323 และ 1300
8. มีสัญญาณว่าความสัมพันธ์กำลังจะมีปัญหา หรือเริ่มเปลี่ยนแปลงไป
หากคุณรู้สึกว่าความสัมพันธ์เริ่มมีสัญญาณว่ากำลังจะมีปัญหา การได้หาทางออกร่วมกันและพูดคุยกันก่อนอาจเป็นเรื่องที่ดีกว่าตอนที่ทุกอย่างแย่และสายเกินที่จะแก้ไข โดยเฉพาะความสัมพันธ์แบบคู่รักที่ยิ่งปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นนาน อาจทำให้สภาพจิตใจของคุณย่ำแย่ลงเรื่อยๆ การพบนักจิตวิทยาเพื่อปรึกษาปัญหาสามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงที่เริ่มมีสัญญาณบางอย่าง หรือการเปลี่ยนแปลงเล็กที่คุณรู้สึกถึงมันเช่น
เริ่มมีความลับบางเรื่องกับคุณเพิ่มขึ้น
ทำตัวแปลกแยกออกไปจากปกติ
มีอารมณ์รุนแรง
เพราะความสัมพันธ์เป็นเรื่องซับซ้อน นอกจากนี้อาจมีบางอย่างที่หากมองผ่านๆ ก็ไม่น่าจะใช่ปัญหารวมอยู่ด้วยเช่น การต้องการพื้นที่ส่วนตัวเพิ่มขึ้น เป็นต้น หากเริ่มค้นพบปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในช่วงระยะเวลาที่ยังมีการสื่อสารกันได้ ก็อาจปรึกษาร่วมกันในการปรึกษาแบบครอบครัว ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดความเข้าใจร่วมกันได้มากขึ้น
เหตุผลเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสามารถไปพบนักจิตวิทยาได้ แต่หากคุณมีเรื่องอื่นๆ ที่ไม่แน่ใจว่าสามารถพบนักจิตวิทยาได้หรือไม่ คุณสามารถสอบถามสถานที่ให้บริการปรึกษาทางจิตวิทยาที่คุณเลือกก่อนทำการนัดหมายเพื่อยืนยันและสอบถามก่อนรับบริการได้
หากคุณกำลังเลว่าคุณจะพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ คุณสามารถทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างนักจิตวิทยากับจิตแพทย์ก่อนเพื่อที่จะตัดสินใจเลือกรับบริการที่ตรงกับปัญหาและความต้องการของคุณมากที่สุด
Related Topics
แหล่งอ้างอิงและข้อมูลเพิ่มเติม
Urbinner เป็นพื้นที่ให้ทุกคนได้เติบโตจากการเรียนรู้ในทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยทีมนักจัดกระบวนการจะพาคุณไปเรียนรู้ทักษะที่นำไปสู่การเข้าใจตัวเอง สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และการตระหนักรู้ร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถทำในสิ่งที่มีคุณค่าและความหมายสำหรับตัวเอง องค์กร และชุมชนของเราได้
Comments