การสังเกตรูปแบบของการสื่อสารที่แตกต่างกันทำให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่มักปรากฏขึ้นได้
ลองนึกถึงบทสนทนาที่คุณเห็นหรือได้ไปเข้าร่วมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันดูว่าคุณนึกถึงอะไรบ้าง?
ระหว่างทานอาหารกลางวันกับครอบครัวหรือเพื่อน
ตอนอภิปรายกับหัวหน้าที่ทำงานหรือในมหาวิทยาลัย
เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่พวกคุณได้พูดคุยกัน และการพูดคุยกันเหล่านั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร? จากการค่อยๆ สังเกตการสื่อสารที่คุณมักได้มีส่วนร่วมหรือเห็นบ่อยๆ เหล่านี้ จะทำให้คุณเข้าใจรูปแบบที่มักเกิดขึ้นในการสื่อสารของสังคมเรา
รูปการสื่อสารของเรามีอยู่อย่างจำกัด
การสนทนาทั่วไป
เมื่อคุณพูดคุยทานอาหารกลางวันกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ คุณอาจมีบทสนทนาที่ถาม-ตอบกัน ตามความสนใจของแต่ละคน คุณทำอย่างไร
เมื่อเจอกับหัวข้อสนทนาที่คุณรู้สึกไม่อยากตอบ? หรือมีเรื่องอะไรที่คุณไม่พอใจในหัวข้อเหล่านั้นบ้างไหม?
ในวงสนทนากับครอบครัว เราต่างคนต่างมีบทบาท พ่อ แม่ ลูก พี่ชาย น้อง ลุง ป้า และโดยมากจะต้อง อาศัยอยู่กับบทบาทเหล่านั้น คุณอาจจะต้องเชื่อฟังและเห็นด้วยกับพ่อ แม้ในหัวใจลึกๆ ของตัวเองกลับบอกว่าสิ่งที่พ่อพูดไม่ถูก ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนั้น แต่ด้วยการใส่บทบาทและน้ำหนักของความเป็นพ่อลงไปทำให้ คุณรู้สึกไม่สามารถปฏิเสธได้แม้กระทั่งเป็นเสียงจากภายใน
ส่วนวงสนทนากับเพื่อนโดยมากมักมีหัวข้อสนทนาที่เพลิดเพลินและเต็มไปด้วยความเฮฮา อาจมีคนที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้เสมอ หรือบางคนที่มีความเชี่ยวชาญในการแซว จากการได้รับความความสนใจเป็นพิเศษของคนอื่นผ่านการเรียกเสียงหัวเราะ หรือการแซว อย่างสม่ำเสมอ อาจสร้างรูปแบบหนึ่งของการบทสนทนา ส่วนคนที่แซวไม่เก่งกลับไม่มีพื้นที่ให้พูดหรือความยอมรับ
จากสองสถานการณ์นี้ สถานการณ์แรกในครอบครัว คุณจะเริ่มเห็นข้อจำกัดจากบทบาทหน้าที่ที่จำกัดให้คุณไม่มีพื้นที่ภายในสำหรับความคิดหรือความเห็นที่แตกต่างเกิดขึ้นได้ หรืออีกสถานการณ์หนึ่งที่เน้นความสนุกสนาน ซึ่งเน้นเสียงหัวเราะและความสุขจากการพูดคุยกันเป็นศูนย์กลาง จนไม่มีพื้นที่ให้กับสิ่งอื่น
รูปแบบการพูดคุยที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำเมื่อเราพูดสิ่งที่มีความสำคัญ มีผลกระทบในวงกว้างที่ได้รับการยอมรับยังมีอีก ซึ่งเรามักจะได้เห็นบ่อยๆ นั่นคือการอภิปรายหรือ discussion และการโต้เถียงหรือ debate
Discussion
การอภิปรายหรือ discussion มักเกิดขึ้นเมื่อต้องการระดมความคิด หรือตัดสินใจอะไรร่วมกัน
คุณอาจลองนึกถึงภาพการประชุมที่ทำงานหรือมหาวิทยาลัยของคุณว่าเป็นอย่างไรบ้าง?
ในการอภิปรายเรื่องงาน คุณอาจได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจำนวนมากด้วยกัน ส่วนใหญ่ในการอภิปรายเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อหาข้อสรุป ระดมความคิด หรือตัดสินใจ โดยในรูปแบบนี้ เรามักจะตัดขาดกับความรู้สึกและประสบการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายเป็นนามธรรมเช่น ข้อมูลเชิงสถิติได้ หากมีใครที่เกิดไม่พอใจกับเรื่องไหน ก็อาจไม่สามารถแสดงออกหรือบอกอย่างตรงไปตรงมาได้ โดยมีระดับของการแสดงออกตั้งแต่การด่าตรงๆ ด้วยความฉุนเฉียว จนไปถึงการพูดเหน็บแนมระหว่างการอภิปรายหรือการเสนองาน หรือแม้กระทั่งพูดอาจใช้ความตลกเป็นเครื่องมือสร้างความอับอายเพื่อระบายความโกรธออกมา
สิ่งที่มักจะพบใน Discussion
นำเสนอไอเดีย
หาคำตอบหรือวิธีแก้ไขปัญหา
ชักจูงคนเข้าร่วมด้วยข้อมูล
ทำตามเป้าหมายหรือวาระที่ตั้งไว้
ยอมรับฟังเสียงที่แตกต่าง
ทำให้ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
หลีกเลี่ยงความรู้สึก
หลีกเลี่ยงความเงียบ
หลีกเลี่ยงความขัดแย้งหรือความแตกต่างที่รุนแรง
ในการพูดคุยลักษณะนี้ เราจะเห็นข้อจำกัดโดยมากเกี่ยวกับการตัดขาดออกจากความรู้สึก และเชื่อข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกับสถิติ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกและอารมณ์จะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ต้องการสื่อสาร เพียงแต่มันถูกจำกัดให้อยู่ภายในและไม่เป็นที่ยอมรับในการพูดคุยในการอภิปรายลักษณะนี้
Debate
อีกหนึ่งรูปแบบที่คุณมักได้เห็นบ่อยๆ คือการโตเถียง ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบที่ถูกจัดวางไว้เช่นการโต้วาที หรือเป็นลักษณะที่เกิดขึ้นจากความไม่พอใจ การโต้เถียงจะเน้นไปที่การเอาชนะและชักจูงเป็นหลัก เมื่ออยู่ในรูปแบบนี้ โอกาสที่จะรับฟังความคิดเห็นของกันและกันจะมีน้อยลง และมักจะใช้หาเหตุผลที่สนับสนุนเพื่อชักจูงเพื่อนำไปสู่ผลแพ้-ชนะ
สิ่งที่มักจะพบใน Debate
เป็นไปเพื่อการเอาชนะ
มักมองหาข้อบกพร่องของฝ่ายอื่น
เน้นย้ำถึงความเป็นสองขั้ว (duality) เช่นถูกผิด ดีเลว
ฟังเพื่อตอบโต้ หรือหาความผิดพลาดในเชิงตรรกะ
ตัดสินว่ามุมมองหรือความเห็นของผู้อื่นเป็นสิ่งที่ผิดพลาดหรือถูกบิดเบือน
ไม่ยอมรับความรู้สึกของผู้อื่น
ปกป้องความคิดเห็นของตนเอง
ไม่ให้ความสนใจกับความสัมพันธ์
ใช้ความเงียบเป็นจุดอ่อนเพื่อความได้เปรียบในการเอาชนะ
รูปแบบของการสื่อสารประเภทต่าง ไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดอยู่ในบริบท แต่จะขึ้นอยู่กับลักษณะที่มักพบในการสื่อสาร หมายความว่าคุณอาจกำลังสื่อสารแบบอภิปรายในสภาพแวดล้อมของการนั่งรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนๆ ก็ได้ และรูปแบบการสนทนาเหล่านี้ยังสามารถเปลี่ยนสลับไปมาได้เช่น ในห้องประชุมของคุณอาจเริ่มต้นจากการอภิปราย แต่หลังจากเริ่มไปแล้วกลับกลายเป็นการโต้เถียง
Dialogue
Dialogue หรือสุนทรียสนทนา เป็นการพูดคุยกันโดยไม่มีวาระที่วางไว้อย่างตายตัวล่วงหน้า ไม่ได้ต้องการหาข้อสรุปร่วมกัน หรือเอาชนะกัน เพราะสิ่งเหล่านั้นจะปิดกั้นพื้นที่สำหรับความสร้างสรรค์ และอาจเป็นการชี้นำด้วยข้อสรุป วาระ หรืออำนาจ โดยในการพูดคุยผู้เข้าร่วมจะให้ความเคารพซึ่งกัน สามารถถามคำถามอะไรก็ได้ และเลือกได้เช่นกันว่าจะตอบหรือไม่
สิ่งที่ทำให้ dialogue แตกต่างกับการพูดคุยแบบสัพเพเหระที่เรามักคุ้นเคยกันในช่วงรับประทานอาหาร หรือการจับกลุ่มคุยกันทั่วๆ ไปตรงที่ dialogue จะมีหลักปฏิบัติให้เกิดการฟังอย่างลึกซึ้ง การเคารพในทุกเสียงแม้แต่ความเงียบ การห้อยแขวนคำตัดสินที่มักจะเกิดขึ้น และการเปิดเผยเสียงภายในของตนเองออกมา
ในวง dialogue ผู้เล่ามักจะเล่าให้กับสมาชิกทุกคนฟัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถถามคำถามที่เฉพาะบุคคลได้ และสามารถเลือกที่จะตอบคำถามจากผู้อื่นก็ได้ ส่วนผู้ฟังจะฟังอย่างลึกซึ้ง ด้วยความเคารพและมองสิ่งเหล่านั้น โดยไม่ตัดสิน ไม่มีผู้นำการสนทนาหรือผู้ตาม ไม่มีเป้าหมายเพื่อเอาชนะ ข้อสรุป หรือการตัดสินใจใดๆ ขณะดำเนิน dialogue ความเงียบก็ถือว่าเป็นเสียงหนึ่ง ที่เราไม่จำเป็นต้องทำลายมัน หรือหลีกเลี่ยงมัน
ลักษณะที่มักจะพบใน Dialogue
เป็นไปเพื่อการขยายมุมมองของทุกคน
มองหาความหมายร่วมกัน
มีการแสดงออกถึงความไม่ชัดเจน หรือความไม่สอดคล้องกัน
สำรวจความคิดและความรู้สึก
ใช้การถามคำถาม และเชิญชวนให้ตอบ
อนุญาตให้ความแตกต่างทางความคิด ประสบการณ์ และความรู้สึกเกิดขึ้นได้
ฟังโดยไม่ตัดสินด้วยมุมมองที่พยายามทำความเข้าใจ
ยอมรับประสบการณ์และความรู้สึกของผู้อื่น
เคารพในความเงียบ
เมื่อเรามองเห็นรูปแบบของการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ว่ามันมักจะนำพาให้เกิดอะไรบ้าง หรือมันมีข้อจำกัดอะไรบ้าง จะทำให้เรามีโอกาสเลือกรูปแบบการพูดคุยและสื่อสารที่เป็นเหตุปัจจัยสำหรับการนำไปสู่สิ่งที่เราต้องการได้
คำถามที่ช่วยให้เราสังเกตลักษณะของการพูดคุย
ในบทสนทนานี้ คุณกำลังปกป้องความคิดเห็นของตัวเองอยู่ หรือกำลังบอกเล่าความคิดเห็นของตัวเอง?
ในบทสนทนานี้ คุณกำลังพยายามปิดกั้นความรู้สึก ความคิดเห็น ประสบการณ์ อยู่ หรือเปิดรับความรู้สึก ความคิดเห็น ประสบการณ์?
ในบทสนทนานี้ คุณกำลังฟังความแตกต่างด้วยความเคารพอยู่ หรือกำลังฟังด้วยความกลัวที่จะได้ยินเสียงที่แตกต่างจากจุดของตนเอง?
Related Topics
Urbinner เป็นพื้นที่ให้ทุกคนได้เติบโตจากการเรียนรู้ในทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยทีมนักจัดกระบวนการจะพาคุณไปเรียนรู้ทักษะที่นำไปสู่การเข้าใจตัวเอง สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และการตระหนักรู้ร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถทำในสิ่งที่มีคุณค่าและความหมายสำหรับตัวเอง องค์กร และชุมชนของเราได้
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPS Machine EPS Block…
EPS Machine EPS Block…
EPS Machine EPS Block…
AEON MINING AEON MINING
AEON MINING AEON MINING
KSD Miner KSD Miner
KSD Miner KSD Miner
BCH Miner BCH Miner
BCH Miner BCH Miner
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPS Machine EPS Block…
EPS Machine EPS Block…
EPS Machine EPS Block…
AEON MINING AEON MINING
AEON MINING AEON MINING
KSD Miner KSD Miner
KSD Miner KSD Miner
BCH Miner BCH Miner
BCH Miner BCH Miner